กรมราชทัณฑ์เปิดสมัครสอบบรรจุเข้ารับราชการ 300 อัตรา
กรมราชทัณฑ์ เปิดรับสมัครสอบเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ จำนวน 300 อัตรา รับสมัครทางอินเทอร์เน็ต ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน - 19 ธันวาคม 2560
ประกาศกรมราชทัณฑ์ เรื่อง รับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการในตำแหน่งเจ้าพนักงานราชทัณฑ์ปฏิบัติงาน (งานควบคุมผู้ต้องขังชายและอื่นๆ)
ตำแหน่งที่เปิดรับสมัครสอบ
ตำแหน่ง เจ้าพนักงานราชทัณฑ์ปฏิบัติงาน (งานควบคุมผู้ต้องขังชายและอื่นๆ)
อัตราเงินเดือน 10,840-12,650 บาท ค่า พตร. 3,300-6,500บาท ค่าเวรๆละ 400-420บาท
จำนวนตำแหน่งว่าง 300 อัตรา
คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง
1. ผู้ได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพเทคนิค (ปวท.) หรือ ผู้ได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรืออนุปริญญา ต่อจากประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือคุณวุฒิอย่างอื่นที่เทียบได้ในระดับเดียวกัน ในทุกสาขาวิชา
2. เป็นผู้สอบผ่านการวัดความรู้ความสามารถทั่วไป ระดับ ปวท. อนุปริญญา ปวส. หรือที่สูงกว่า ของสำนักงาน ก.พ.
3. เป็นชายที่มีร่างกายแข็งแรง สูงไม่น้อยกว่า 165 ซม. และรอบอกไม่น้อยกว่า 80 ซม. แต่ถ้าขนาดของสัดส่วนใดสัดส่วนหนึ่งน้อยกว่ากำหนดไว้ไม่เกิน 2 ซม.ก็ให้ใช้ได้โดยอนุโลม เมื่อจำนวนรวม ไม่น้อยกว่า 245 ซม.
การรับสมัครสอบ
กรมราชทัณฑ์ เปิดรับสมัครสอบผ่านทางอินเทอร์เน็ต ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน - 19 ธันวาคม 2560 ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดราชการ ที่เว็บไซต์ https://correct.thaijobjob.com/
รายละเอียดเพิ่มเติม
คลิก
ปล. สำหรับผู้ตั้งใจสมัครสอบฯ นอกจากเตรียมอ่านหนังสือแล้ว แนะนำให้เตรียมร่างกายเพื่อทดสอบวิ่งไปด้วยเลย เพราะถ้าจะมารอให้ผลสอบข้อเขียนผ่านแล้วค่อยซ้อม บอกเลย...ไม่ทันครับ ที่ผ่านมาเรียกทดสอบภายใน 1-2 สัปดาห์ เท่านั้น
สอบราชทัณฑ์ blog สำหรับผู้สนใจสอบรับราชการในกรมราชทัณฑ์ นำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับสอบราชทัณฑ์ เพื่อบรรลุเป้าหมายเป็นข้าราชการราชทัณฑ์ "ความพยายามคือเส้นบางๆที่อยู่ระหว่างความสำเร็จและความล้มเหลว ขึ้นอยู่กับจะใช้ให้ถูกวิธีได้หรือไม่"
วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
วันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2560
พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ใกล้มีผลบังคับแล้ว...พร้อม?
พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ และจะมีผลใช้บังคับเมื่อพ้น ๙๐ วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ดังนั้น จะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ตามความในมาตรา ๒ แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐
พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ มีบทบัญญัติที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหลายประการดังนี้
1. เพิ่มเวลาติดตามจับกุมผู้ต้องขังหลบหนีจาก ๒๔ ชั่วโมง เป็น ๔๘ ชั่วโมง
2. มีการรับรองสิทธิของผู้ต้องขังตามมาตรฐานสากลไว้ในพระราชบัญญัติ (เดิมเป็น
3. เพียงระเบียบฯ และแนวปฏิบัติ) เช่น การศึกษา ศาสนา การรักษาพยาบาลการดูแลผู้ต้องขังที่มีครรภ์หรือคลอดบุตร
4. มีการปรับปรุงการแยกประเภทหรือชั้นของเรือนจำ
5. ได้กำหนดการดำเนินงานที่สำคัญไว้ในพระราชบัญญัติฯ (เดิมอยู่ในกฎหมาย ลำดับรองหรือเป็นเพียงแนวทางปฏิบัติ) ได้แก่
นอกจากนี้ พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ยังมีบทบัญญัติที่เป็นหลักการใหม่ ดังนี้
1. มีคณะกรรมการราชทัณฑ์ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่หลักในการกำหนดทิศทางนโยบาย การบริหารงานราชทัณฑ์ และเน้นความโปร่งใสโดยการมีส่วนร่วมจากองค์กรและบุคคลภายนอก
2. มีบทบัญญัติเรื่องมาตรการบังคับโทษด้วยวิธีอื่นแทนการจำคุกและการกำหนดสถานที่อื่นเป็นสถานที่คุมขัง เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการพัฒนาพฤตินิสัยและลดปัญหาความแออัดภายในเรือนจำ
3. มีการเพิ่มอำนาจให้แก่เจ้าพนักงานเรือนจำมากขึ้น โดยเพิ่มอำนาจเข้าตรวจค้นสถานที่ ยานพาหนะ เพื่อติดตามผู้ต้องขังหลบหนี
4. มีการรับรองสิทธิของผู้ต้องขังตามมาตรฐานสากล เช่น การคุ้มครองกรณีถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเจ้าพนักงาน ซึ่งเป็นหลักการใหม่ในพระราชบัญญัตินี้
ข้อดีของพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นการปรับปรุงกฎหมายราชทัณฑ์ทั้งฉบับ อย่างเป็นระบบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงานราชทัณฑ์ การพัฒนาบุคลากร เจ้าหน้าที่ และเน้นระบบการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง โดยเริ่มตั้งแต่การรับตัวผู้ต้องขัง การจำแนก ตลอดจนการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย เพื่อให้โอกาสแก่ผู้ต้องขังกลับสู่ครอบครัว สังคม และไม่กระทำผิดซ้ำอีก ควบคู่กับการปกป้องสังคมโดยการเน้นควบคุมผู้กระทำผิดที่มีพฤติการณ์เป็นภัยร้ายต่อสังคม หรืออาชญากรโดยสันดาน ซึ่งสามารถสรุปข้อดีของพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ ฉบับใหม่ เป็น ๓ มิติ ดังนี้
๑) มิติต่อประชาชน/สังคม
ด้านความปลอดภัย และการคืนคนดีสู่สังคม : มีการกำหนดระยะเวลาที่ถูกคุมขัง การได้ประโยชน์ การพัฒนาพฤตินิสัย และการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย เหมาะสมกับผู้ต้องขังแต่ละประเภทอย่างแท้จริง
๒) มิติต่อองค์กร
เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ภาพลักษณ์ ความโปร่งใส ตรวจสอบได้
๓) มิติต่อผู้ต้องขัง
มีการคุ้มครองสิทธิตามมาตรฐานสากลตามข้อ ๒.เน้นระบบการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังด้วยวิธีการและแนวทางที่เหมาะสม
ที่มา.http://www.correct.go.th
พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ มีบทบัญญัติที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหลายประการดังนี้
1. เพิ่มเวลาติดตามจับกุมผู้ต้องขังหลบหนีจาก ๒๔ ชั่วโมง เป็น ๔๘ ชั่วโมง
2. มีการรับรองสิทธิของผู้ต้องขังตามมาตรฐานสากลไว้ในพระราชบัญญัติ (เดิมเป็น
3. เพียงระเบียบฯ และแนวปฏิบัติ) เช่น การศึกษา ศาสนา การรักษาพยาบาลการดูแลผู้ต้องขังที่มีครรภ์หรือคลอดบุตร
4. มีการปรับปรุงการแยกประเภทหรือชั้นของเรือนจำ
5. ได้กำหนดการดำเนินงานที่สำคัญไว้ในพระราชบัญญัติฯ (เดิมอยู่ในกฎหมาย ลำดับรองหรือเป็นเพียงแนวทางปฏิบัติ) ได้แก่
- ระบบการจำแนกลักษณะของผู้ต้องขัง
- ระบบการจัดชั้น กลุ่ม และการแยกคุมขังผู้ต้องขัง
- ระบบการพัฒนาพฤตินิสัย
- การเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย
นอกจากนี้ พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ยังมีบทบัญญัติที่เป็นหลักการใหม่ ดังนี้
1. มีคณะกรรมการราชทัณฑ์ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่หลักในการกำหนดทิศทางนโยบาย การบริหารงานราชทัณฑ์ และเน้นความโปร่งใสโดยการมีส่วนร่วมจากองค์กรและบุคคลภายนอก
2. มีบทบัญญัติเรื่องมาตรการบังคับโทษด้วยวิธีอื่นแทนการจำคุกและการกำหนดสถานที่อื่นเป็นสถานที่คุมขัง เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการพัฒนาพฤตินิสัยและลดปัญหาความแออัดภายในเรือนจำ
3. มีการเพิ่มอำนาจให้แก่เจ้าพนักงานเรือนจำมากขึ้น โดยเพิ่มอำนาจเข้าตรวจค้นสถานที่ ยานพาหนะ เพื่อติดตามผู้ต้องขังหลบหนี
- เพิ่มอำนาจการตรวจจดหมาย พัสดุภัณฑ์ และการสกัดกั้นการติดต่อสื่อสาร
- เพิ่มอำนาจการตรวจค้นภายในเขตปลอดภัย (บริเวณภายนอกรอบเรือนจำ) รวมทั้งให้อำนาจใน การทำลายอุปกรณ์นำส่งสิ่งของต้องห้าม เช่น ยิงโดรนส่งยาเสพติดเข้าเรือนจำ
- มีการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่แก่เจ้าพนักงานเรือนจำ และมีบทบัญญัติเรื่องเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่แก้เจ้าพนักงานเรือนจำ
- กำหนดชื่อเรือนจำ โดยใช้คำว่า “เรือนจำ” เป็นคำขึ้นต้น แล้วต่อด้วยชื่อของเรือนจำ และกำหนดเขตความรับผิดชอบของเรือนจำโดยอาจกำหนดให้ครอบคลุมพื้นที่หลายจังหวัด โดยให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่และรองรับการดำเนินการของศาล
4. มีการรับรองสิทธิของผู้ต้องขังตามมาตรฐานสากล เช่น การคุ้มครองกรณีถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเจ้าพนักงาน ซึ่งเป็นหลักการใหม่ในพระราชบัญญัตินี้
ข้อดีของพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นการปรับปรุงกฎหมายราชทัณฑ์ทั้งฉบับ อย่างเป็นระบบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงานราชทัณฑ์ การพัฒนาบุคลากร เจ้าหน้าที่ และเน้นระบบการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง โดยเริ่มตั้งแต่การรับตัวผู้ต้องขัง การจำแนก ตลอดจนการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย เพื่อให้โอกาสแก่ผู้ต้องขังกลับสู่ครอบครัว สังคม และไม่กระทำผิดซ้ำอีก ควบคู่กับการปกป้องสังคมโดยการเน้นควบคุมผู้กระทำผิดที่มีพฤติการณ์เป็นภัยร้ายต่อสังคม หรืออาชญากรโดยสันดาน ซึ่งสามารถสรุปข้อดีของพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ ฉบับใหม่ เป็น ๓ มิติ ดังนี้
๑) มิติต่อประชาชน/สังคม
ด้านความปลอดภัย และการคืนคนดีสู่สังคม : มีการกำหนดระยะเวลาที่ถูกคุมขัง การได้ประโยชน์ การพัฒนาพฤตินิสัย และการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย เหมาะสมกับผู้ต้องขังแต่ละประเภทอย่างแท้จริง
๒) มิติต่อองค์กร
เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ภาพลักษณ์ ความโปร่งใส ตรวจสอบได้
๓) มิติต่อผู้ต้องขัง
มีการคุ้มครองสิทธิตามมาตรฐานสากลตามข้อ ๒.เน้นระบบการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังด้วยวิธีการและแนวทางที่เหมาะสม
ที่มา.http://www.correct.go.th
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)