วันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2560

พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ใกล้มีผลบังคับแล้ว...พร้อม?

พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่  ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ และจะมีผลใช้บังคับเมื่อพ้น ๙๐ วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ดังนั้น จะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ตามความในมาตรา ๒ แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐

พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ มีบทบัญญัติที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหลายประการดังนี้

1.      เพิ่มเวลาติดตามจับกุมผู้ต้องขังหลบหนีจาก ๒๔ ชั่วโมง เป็น ๔๘ ชั่วโมง

2.      มีการรับรองสิทธิของผู้ต้องขังตามมาตรฐานสากลไว้ในพระราชบัญญัติ (เดิมเป็น

3.      เพียงระเบียบฯ และแนวปฏิบัติ) เช่น การศึกษา ศาสนา การรักษาพยาบาลการดูแลผู้ต้องขังที่มีครรภ์หรือคลอดบุตร

4.      มีการปรับปรุงการแยกประเภทหรือชั้นของเรือนจำ

5.      ได้กำหนดการดำเนินงานที่สำคัญไว้ในพระราชบัญญัติฯ (เดิมอยู่ในกฎหมาย    ลำดับรองหรือเป็นเพียงแนวทางปฏิบัติ) ได้แก่

  • ระบบการจำแนกลักษณะของผู้ต้องขัง
  • ระบบการจัดชั้น กลุ่ม และการแยกคุมขังผู้ต้องขัง
  • ระบบการพัฒนาพฤตินิสัย
  • การเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย


นอกจากนี้ พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ยังมีบทบัญญัติที่เป็นหลักการใหม่ ดังนี้

1.      มีคณะกรรมการราชทัณฑ์ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่หลักในการกำหนดทิศทางนโยบาย        การบริหารงานราชทัณฑ์ และเน้นความโปร่งใสโดยการมีส่วนร่วมจากองค์กรและบุคคลภายนอก
2.      มีบทบัญญัติเรื่องมาตรการบังคับโทษด้วยวิธีอื่นแทนการจำคุกและการกำหนดสถานที่อื่นเป็นสถานที่คุมขัง เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการพัฒนาพฤตินิสัยและลดปัญหาความแออัดภายในเรือนจำ
3.      มีการเพิ่มอำนาจให้แก่เจ้าพนักงานเรือนจำมากขึ้น โดยเพิ่มอำนาจเข้าตรวจค้นสถานที่ ยานพาหนะ เพื่อติดตามผู้ต้องขังหลบหนี

  • เพิ่มอำนาจการตรวจจดหมาย พัสดุภัณฑ์ และการสกัดกั้นการติดต่อสื่อสาร
  • เพิ่มอำนาจการตรวจค้นภายในเขตปลอดภัย (บริเวณภายนอกรอบเรือนจำ) รวมทั้งให้อำนาจใน การทำลายอุปกรณ์นำส่งสิ่งของต้องห้าม เช่น ยิงโดรนส่งยาเสพติดเข้าเรือนจำ
  • มีการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่แก่เจ้าพนักงานเรือนจำ และมีบทบัญญัติเรื่องเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่แก้เจ้าพนักงานเรือนจำ
  • กำหนดชื่อเรือนจำ โดยใช้คำว่า “เรือนจำ” เป็นคำขึ้นต้น แล้วต่อด้วยชื่อของเรือนจำ และกำหนดเขตความรับผิดชอบของเรือนจำโดยอาจกำหนดให้ครอบคลุมพื้นที่หลายจังหวัด โดยให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่และรองรับการดำเนินการของศาล


4.      มีการรับรองสิทธิของผู้ต้องขังตามมาตรฐานสากล เช่น การคุ้มครองกรณีถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเจ้าพนักงาน ซึ่งเป็นหลักการใหม่ในพระราชบัญญัตินี้


ข้อดีของพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นการปรับปรุงกฎหมายราชทัณฑ์ทั้งฉบับ อย่างเป็นระบบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงานราชทัณฑ์ การพัฒนาบุคลากร เจ้าหน้าที่ และเน้นระบบการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง โดยเริ่มตั้งแต่การรับตัวผู้ต้องขัง การจำแนก ตลอดจนการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย เพื่อให้โอกาสแก่ผู้ต้องขังกลับสู่ครอบครัว สังคม และไม่กระทำผิดซ้ำอีก ควบคู่กับการปกป้องสังคมโดยการเน้นควบคุมผู้กระทำผิดที่มีพฤติการณ์เป็นภัยร้ายต่อสังคม หรืออาชญากรโดยสันดาน ซึ่งสามารถสรุปข้อดีของพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ ฉบับใหม่ เป็น ๓ มิติ ดังนี้

๑)  มิติต่อประชาชน/สังคม

ด้านความปลอดภัย และการคืนคนดีสู่สังคม : มีการกำหนดระยะเวลาที่ถูกคุมขัง การได้ประโยชน์ การพัฒนาพฤตินิสัย และการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย เหมาะสมกับผู้ต้องขังแต่ละประเภทอย่างแท้จริง

๒) มิติต่อองค์กร

เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ภาพลักษณ์ ความโปร่งใส ตรวจสอบได้

๓) มิติต่อผู้ต้องขัง

มีการคุ้มครองสิทธิตามมาตรฐานสากลตามข้อ ๒.เน้นระบบการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังด้วยวิธีการและแนวทางที่เหมาะสม

ที่มา.http://www.correct.go.th